
ในยุค AI ทักษะที่สำคัญที่สุดอาจเป็น “ทักษะแก้ปัญหาโดยไม่ใช้มือถือ”
ผมขอเริ่มต้นบทความนี้ด้วยความตกใจกับการกำลังจะเสียบางสิ่งไป…. มีหลายครั้งในช่วงวันหยุด ที่ผมหันไปมองรอบๆ ตัวในห้องนั่งเล่น แล้วก็เห็นภาพที่คุ้นตา คือภรรยากำลังไถฟีดในมือถือ, ลูกชายกำลังดู YouTube ในแท็บเล็ต, และตัวผมเองก็กำลังตอบอีเมลในโน้ตบุ๊ก เราอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกัน แต่เหมือนกับว่าแต่ละคนอยู่ในโลกคนละใบ
วินาทีนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเรากำลังสูญเสียอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ ไป นั่นคือ “ทักษะการอยู่กับโลกแห่งความจริง”
ในยุคที่ทุกคำถามมีคำตอบใน Google, ทุกเส้นทางมี GPS นำทาง, และทุกความบันเทิงอยู่แค่ปลายนิ้วสัมผัส ผมกลับยิ่งเชื่อมั่นว่า ทักษะที่จะทำให้ลูกของเราแตกต่างและโดดเด่นในอนาคต คือ “ทักษะการแก้ปัญหาโดยไม่พึ่งพาหน้าจอ” ครับ วันนี้ผมจึงอยากมาแชร์แนวคิดและกิจกรรม “ออฟไลน์” ที่บ้านเราพยายามทำกัน เพื่อสร้างสมดุลให้กับชีวิตในยุคดิจิทัลครับ
Table of Contents
ทำไมผมถึงพยายามสอนให้ลูกชาย “เบื่อ” ให้เป็น
ฟังดูแปลกใช่ไหมครับ? แต่ผมเชื่อว่า “ความเบื่อ” คือจุดกำเนิดของความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริง
เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกชายผมบ่นว่า “เบื่อออ ไม่มีอะไรทำเลย” สัญชาตญาณแรกของผมเมื่อก่อนคือการยื่นมือถือให้ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใหม่ ผมจะยิ้มแล้วบอกว่า “ดีเลย! เวลาเบื่อๆ นี่แหละ ที่สมองเราจะคิดอะไรเจ๋งๆ ออก ลองดูสิว่ารอบตัวเรามีอะไรน่าสนใจให้ทำบ้าง”
การปล่อยให้เขามีช่วงเวลาที่ “ไม่ได้ถูกกระตุ้น” จากหน้าจอ จะช่วยสร้างทักษะสำคัญ 2 อย่าง:
- ความคิดสร้างสรรค์: เขาจะเริ่มมองหาสิ่งรอบตัวมาเล่น เริ่มจินตนาการเรื่องราวจากของเล่นธรรมดาๆ
- ความสามารถในการพึ่งพาตนเอง (Self-reliance): เขาได้เรียนรู้ที่จะสร้างความสุขและความสนุกได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้ใครมาป้อนให้
“ภารกิจออฟไลน์สุดสัปดาห์” ของบ้านเรา
เพื่อทำให้การ “ไร้จอ” เป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ ผมเลยตั้งชื่อกิจกรรมที่เราทำด้วยกันในช่วงวันหยุดว่า “ภารกิจออฟไลน์” ครับ โดยเราจะเลือกทำภารกิจใดภารกิจหนึ่งในแต่ละสัปดาห์
ภารกิจที่ 1: นักประดิษฐ์ D.I.Y.
- เราทำอะไรกัน: เราจะหาโปรเจกต์เล็กๆ ในบ้านมาทำด้วยกันครับ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยกันประกอบชั้นวางหนังสือที่ซื้อมาใหม่, การซ่อมของเล่นที่พัง, หรือแม้แต่การปลูกต้นไม้ในกระถางเล็กๆ
- ทักษะที่ได้: ลูกได้เรียนรู้การทำตามขั้นตอน, การใช้เครื่องมือง่ายๆ, การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า (เช่น ขันนอตผิดฝั่ง) และที่สำคัญที่สุดคือความภาคภูมิใจที่ได้เห็นผลงานที่จับต้องได้จริง
ภารกิจที่ 2: พ่อครัวหัวป่าก์
- เราทำอะไรกัน: เราจะเลือกเมนูง่ายๆ จาก “หนังสือทำอาหาร” (ผมเน้นว่าต้องเป็นหนังสือ ไม่ใช่วิดีโอ) แล้วไปจ่ายตลาดและลงมือทำด้วยกันตั้งแต่ต้นจนจบ
- ทักษะที่ได้: ลูกได้ฝึกทักษะคณิตศาสตร์จากการชั่งตวงวัด, เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านการเปลี่ยนแปลงของอาหารเมื่อโดนความร้อน, และได้ฝึกความอดทนรอคอย
ภารกิจที่ 3: นักสำรวจเส้นทาง
- เราทำอะไรกัน: เวลาที่เราต้องเดินทางไปสถานที่ใกล้ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ผมจะลองปิด GPS แล้วเปิดแผนที่แบบรูปภาพแทน หรือบางทีก็ลอง “ด้นสด” โดยอาศัยการดูป้ายบอกทางและถามทางจากคนแถวนั้น
- ทักษะที่ได้: ลูกได้เรียนรู้ทักษะการสังเกตสิ่งรอบตัว, การอ่านแผนที่, และความกล้าที่จะสื่อสารกับคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นทักษะที่การขับรถตาม GPS ไม่มีวันให้ได้
ภารกิจที่ 4: แชมป์เปี้ยนบอร์ดเกม
- เราทำอะไรกัน: บ้านเรามีกฎว่าเย็นวันศุกร์จะเป็น “คืนแห่งบอร์ดเกม” เราจะผลัดกันเลือกเกมที่อยากเล่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกมที่ต้องวางแผนและมีการโต้ตอบกัน
- ทักษะที่ได้: นอกจากการวางแผนและคิดวิเคราะห์แล้ว บอร์ดเกมยังเป็นบทเรียนเรื่อง “การจัดการอารมณ์” ที่ดีที่สุด ลูกได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความผิดหวังเมื่อแพ้ และเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ชนะที่รู้จักให้เกียรติผู้แพ้
ภารกิจที่ 5: เรียนดนตรีที่แสนรัก
- เราทำอะไรกัน: ลูกชายผมชอบดนตรีมาก ทั้งเปียนโน และกลอง ดังนั้นกิจกรรมเรียนดนตรีนอกสถานที่จะเป็น ตัวเลือกที่ดีให้ได้ห่างไกลจากมือถือ ที่อาจจะต้องลงทุน แต่ผลที่ได้คุ้มสุดๆ
- ทักษะที่ได้: ได้ทั้งสกิลในการเล่นดนตรี อ่านโน๊ต แล้วยังได้ฝึกการเข้ากลุ่ม การรู้จักรอ และยังให้ลูกของเราได้กดดันตัวเองให้สอบผ่านเกรดต่างๆอีกด้วย (Trinity College)
บทสรุป: สร้างเด็กที่สมดุล คือเป้าหมายสูงสุด
ผมไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีนะครับ และลูกชายผมก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เป้าหมายของผมคือการสร้าง “ความสมดุล” ให้กับชีวิตเขา ผมอยากให้เขาเติบโตขึ้นเป็นคนที่สามารถเขียนโค้ดสั่งงาน AI ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเปลี่ยนยางรถยนต์หรือทำอาหารง่ายๆ กินเองได้เมื่อจำเป็น
การสร้าง “ภารกิจออฟไลน์” เหล่านี้ใช้เวลาไม่มากเลยครับ แค่หนึ่งหรือสองชั่วโมงในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว แต่มันคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการสร้างเด็กที่ “พึ่งพาตัวเองได้” และพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ในโลกอนาคตอย่างแท้จริงครับ