ในโรงไม้ของผม บนผนังข้างโต๊ะทำงานหลัก จะมีของอยู่ 3 อย่างแขวนไว้คู่กันเสมอ นั่นคือ ถังดับเพลิงสีแดงสด, กล่องปฐมพยาบาลที่มีเครื่องหมายบวกชัดเจน, และปุ่มหยุดฉุกเฉิน (Emergency Stop) ขนาดใหญ่สำหรับเครื่องมือไฟฟ้า ผมไม่ได้ติดตั้งสิ่งเหล่านี้เพราะผมคาดหวังว่าจะต้องเกิดไฟไหม้หรืออุบัติเหตุร้ายแรงทุกครั้งที่ผมเข้าไปทำงานนะครับ ตรงกันข้าม ผมติดตั้งมันเพื่อที่ผมจะสามารถทำงานได้อย่างสบายใจและมั่นใจที่สุดต่างหาก เพราะผมรู้ว่าต่อให้ผมระวังแค่ไหน อุบัติเหตุก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ และเมื่อมันเกิดขึ้น ผมมี “แผน” ที่จะรับมือกับมันได้ทันท่วงที สิ่งนี้ทำให้ผมย้อนกลับมาถามตัวเอง… ในเมื่อเราระมัดระวังกับ “โรงไม้” ที่เราใช้เวลาอยู่ไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขนาดนี้ แล้วกับ “โลกออนไลน์” ที่ลูกๆ (และเราเอง) ใช้เวลาอยู่แทบจะตลอดเวลาล่ะ? เรามี “แผนรับมือเหตุฉุกเฉิน” สำหรับมันแล้วหรือยัง? ตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา เราได้คุยกันถึงการสร้าง “เกราะป้องกัน” ให้ลูกในหลายๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกฎความปลอดภัย, การดูแลรอยเท้าดิจิทัล, การตรวจสอบข่าวปลอม, การรู้ทัน Phishing, การสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง, การปรับรั้วบ้านดิจิทัล, และการรับมือ Cyberbullying… ทั้งหมดนี้คือการฝึกฝนทักษะช่างไม้ที่ยอดเยี่ยมครับ แต่บทความสุดท้ายนี้ คือบทความที่ว่าด้วยเรื่องของ “วันหนึ่งที่ทุกอย่างผิดพลาด” วันที่เกราะป้องกันอาจเอาไม่อยู่ หรือมีภัยรูปแบบใหม่ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน นี่คือคู่มือการสร้าง “แผนรับมือเหตุฉุกเฉินดิจิทัลประจำบ้าน” ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนความตื่นตระหนก ให้กลายเป็นขั้นตอนที่จัดการได้ และเปลี่ยนความกลัวของลูก ให้กลายเป็นความไว้วางใจในตัวเราครับ …
บริษัทญี่ปุ่นตกเป็นเป้าการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล รายงานจาก Finimize ระบุว่า ในปี 2025 บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการโจมตีแบบ แรนซัมแวร์ (Ransomware) ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายองค์กรสูญเสียข้อมูลสำคัญและเกิดความเสียหายทางการเงินอย่างหนัก การโจมตีดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ไม่เพียงพอ ทำให้กลายเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรดิจิทัล แรนซัมแวร์: อาวุธใหม่ของอาชญากรไซเบอร์ แรนซัมแวร์เป็นซอฟต์แวร์อันตรายที่เข้ารหัสไฟล์ของผู้ใช้หรือองค์กร แล้วเรียกค่าไถ่เพื่อปลดล็อกข้อมูล โดยในปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นพบจำนวนเหตุการณ์ลักษณะนี้เพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่รุนแรงและต่อเนื่องของภัยไซเบอร์ในภูมิภาคเอเชีย หลายบริษัทในภาคการผลิต พลังงาน และโลจิสติกส์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ส่งผลให้ระบบการดำเนินงานต้องหยุดชะงัก และบางรายต้องชำระค่าไถ่เพื่อกู้คืนระบบกลับมาใช้งาน สาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของการโจมตี ขาดการอัปเดตระบบความปลอดภัย: ระบบ IT ที่ล้าสมัยและขาดการอัปเดตช่องโหว่กลายเป็นเป้าหมายหลักของผู้ไม่หวังดี การทำงานแบบ Hybrid: การทำงานระยะไกลทำให้เครือข่ายองค์กรมีจุดเสี่ยงมากขึ้น การเติบโตของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์: กลุ่มแฮกเกอร์ระหว่างประเทศที่มีการจัดตั้งเป็นองค์กรใช้วิธีโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า บริษัทที่ไม่ลงทุนในระบบป้องกันความปลอดภัยเชิงรุกอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย เนื่องจากการโจมตีในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการขโมยข้อมูล แต่ยังรวมถึงการทำลายระบบและทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง รัฐบาลญี่ปุ่นเร่งยกระดับมาตรการป้องกัน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงไซเบอร์ พร้อมเร่งพัฒนาความร่วมมือกับภาคเอกชนและพันธมิตรระหว่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามและแนวทางรับมือที่มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน องค์กรต่างๆ ถูกกระตุ้นให้สร้างแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์ไซเบอร์ (Incident …
AI เปลี่ยนแนวทางการสร้างลิงก์ SEO อย่างไร? การสร้างลิงก์ (Link Building) ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำ SEO ที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ในผลการค้นหา แต่ในปี 2025 นี้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานแบบเดิมให้มีความแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในอดีต การสร้างลิงก์มักต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก เช่น การติดต่อพันธมิตร การวิเคราะห์ข้อมูล และการติดตามผล ซึ่งทั้งยุ่งยากและใช้เวลานาน อย่างไรก็ตาม AI เข้ามาแก้ปัญหานี้โดยใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากและค้นหาโอกาสในการสร้างลิงก์ที่เหมาะสมกับธุรกิจโดยอัตโนมัติ ประโยชน์หลักของการใช้ AI ในการสร้างลิงก์ การนำ AI เข้ามาช่วยในการสร้างลิงก์ SEO ไม่ได้เพียงเพิ่มความเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การตัดสินใจมีความแม่นยำและมีข้อมูลสนับสนุนมากขึ้น ความแม่นยำสูงขึ้น: AI สามารถคาดการณ์ได้ว่าลิงก์ใดจะมีผลกระทบต่ออันดับ SEO มากที่สุดจากข้อมูลในอดีตและแนวโน้มปัจจุบัน ประหยัดเวลาและทรัพยากร: ระบบอัตโนมัติช่วยลดงานซ้ำซ้อน เช่น การติดตามและการติดต่อเว็บไซต์เป้าหมาย มุมมองเชิงกลยุทธ์: เครื่องมือ AI ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจสภาพการแข่งขันและสามารถปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตลาดได้แบบเรียลไทม์ เครื่องมือ AI …
ภัยคุกคามไซเบอร์ปี 2025 ทวีความรุนแรง: คำเตือนจาก NCSC ศูนย์ความมั่นคงทางไซเบอร์แห่งชาติของสหราชอาณาจักร (NCSC) ได้ออกคำเตือนล่าสุดในปี 2025 ว่าการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีความสำคัญระดับสูงและระดับชาติได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังโครงสร้างพื้นฐานสำคัญและหน่วยงานรัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบในวงกว้างกว่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รายงานจาก Slaughter and May ผ่าน Passle ระบุว่า แม้จะมีคำเตือนเดิมๆ และภัยคุกคามลักษณะเดิม แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในปีนี้มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงระดับประเทศ สาเหตุที่การโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นในปี 2025 การโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นในปี 2025 มีหลายปัจจัยที่ส่งผล ได้แก่: การใช้เทคโนโลยี AI และอัตโนมัติของแฮกเกอร์: ทำให้สามารถโจมตีได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์: ทำให้เกิดการโจมตีข้ามชาติในลักษณะสงครามไซเบอร์ ช่องโหว่ในระบบคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล: ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขหรืออัปเดตอย่างเพียงพอ จากแนวโน้มดังกล่าว หน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างต้องเผชิญกับแรงกดดันในการยกระดับระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลอย่างเร่งด่วน ผลกระทบที่ขยายวงกว้างกว่าที่เคย รายงานของ NCSC ระบุว่า การโจมตีในปี 2025 ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายทางการเงิน แต่ยังส่งผลต่อบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น พลังงาน การขนส่ง และสาธารณสุข ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายในระดับประเทศ ตัวอย่างเช่น …
การนำ AI มาใช้ในงาน IT: ความสำคัญของการพัฒนาในยุคใหม่ ในปัจจุบัน ผู้บริหารด้านเทคโนโลยี (CIO) กำลังมองหาวิธีการที่สามารถแก้ไขปัญหาทาง IT ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนพนักงาน และหลายๆ คนมองว่า AI จะเป็นทางออกที่ดีสำหรับการดำเนินงานของพวกเขา ในอดีต ทีม IT ใช้เครื่องมืออย่างการอัตโนมัติและพอร์ทัลช่วยเหลือตัวเองเพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้น แต่ปัจจุบัน AI ได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยเสริมประสิทธิภาพในการสนับสนุนด้าน IT อย่างจริงจัง ผลลัพธ์จากการใช้ AI ในการดำเนินงาน IT การศึกษาของ SolarWinds ได้รวบรวมข้อมูลจากระบบ IT กว่า 2,000 ระบบ และข้อมูล 60,000 ชิ้นที่เก็บมาจากระหว่างเดือนสิงหาคม 2024 ถึงกรกฎาคม 2025 เพื่อวิเคราะห์ว่า AI ในด้านต่างๆ เช่น การแนะนำคำตอบอัตโนมัติให้กับตั๋วการบริการ, การค้นหาบทความที่เกี่ยวข้อง, และการสรุปปัญหาทำให้เกิดประสิทธิภาพได้มากแค่ไหน AI ช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาได้มากขนาดไหน? การศึกษาพบว่า การใช้ AI ช่วยลดเวลาในการแก้ไขปัญหาจาก 27.42 …
คำขอใช้บริการที่ถูก ‘อาวุธ’: DDoS ในโลกจริงเกิดขึ้นแล้ว! ในยุคที่เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ (Self-Driving Cars) กำลังเปลี่ยนโฉมการเดินทาง เมืองซานฟรานซิสโกเพิ่งเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อรถแท็กซี่หุ่นยนต์ Waymo (Jaguar I-Pace) จำนวน 50 คัน ได้มุ่งหน้าไปยังถนนตัน (Dead-end Street) ที่เดียวกันพร้อมกัน ก่อให้เกิดภาวะจราจรติดขัดอย่างหนักหน่วงด้วยรถเปล่า ๆ! นี่ไม่ใช่การแฮ็กระบบคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิม แต่เป็นการโจมตีที่ใช้ฟังก์ชันปกติของแอปพลิเคชันเพื่อสร้างความโกลาหลทางกายภาพ หรือที่เรียกกันว่าเป็น “Waymo DDoS” ครั้งแรกของโลก โดยฝีมือของ Riley Walz วิศวกรซอฟต์แวร์วัย 23 ปี ผู้ก่อกวนด้านเทคโนโลยี กลยุทธ์เบื้องหลังการก่อกวน: ไม่ใช่แฮ็กเกอร์ แต่คือผู้ใช้ที่ฉลาด วิธีการ “Waymo DDoS” ที่สุดแสนจะเรียบง่าย การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้ใช้การเจาะเซิร์ฟเวอร์หรือขโมยข้อมูล แต่ใช้การประสานงานของคน 50 คนในการ ร้องขอ (Request) บริการรถรับส่ง Waymo ในเวลาเดียวกัน และปักหมุดไปยังถนนปลายตันแห่งเดียวกัน เมื่อรถหุ่นยนต์รับคำสั่ง พวกมันก็ปฏิบัติตามคำสั่งโดยซื่อสัตย์ และขับมายังจุดหมายที่ …
ยุคหุ่นยนต์ครองโลก: ความเสี่ยงที่เรามองข้ามไปคืออะไร? เมื่อหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ (Humanoid Robot) กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่โรงงานอุตสาหกรรมไปจนถึงบ้านของเรา ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ไม่ควรมองข้าม รายงานล่าสุดได้เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงในหุ่นยนต์รุ่นใหม่ Unitree G1 ที่แสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้อาจไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่เราคิด ปัญหาที่ถูกค้นพบคือการเข้าถึงและการควบคุมจากระยะไกลผ่านช่องโหว่ของ Bluetooth ซึ่งรวมถึงความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกการส่งข้อมูลกลับไปยังประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง เจาะลึกช่องโหว่: ทำไม Bluetooth จึงเป็นประตูสู่ภัยคุกคาม? ช่องโหว่ Zero-Day ที่ยอมให้เข้าควบคุมจากระยะไกล นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ประเภท Zero-Day ในการเชื่อมต่อ Bluetooth ของหุ่นยนต์ Unitree G1 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่ควบคุมผ่านแอปพลิเคชันมือถือ ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีที่อยู่ในระยะทำการของสัญญาณ Bluetooth สามารถเข้าควบคุมหุ่นยนต์ได้โดยง่ายโดยไม่ต้องผ่านการยืนยันตัวตนที่ซับซ้อน ความเสี่ยงด้านการควบคุม: ผู้โจมตีสามารถสั่งการให้หุ่นยนต์ทำกิจกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบหรือบุคลากรได้ การโจรกรรมข้อมูล: การเข้าถึงระบบควบคุมหลักอาจนำไปสู่การขโมยข้อมูลการทำงาน ข้อมูลเซนเซอร์ หรือแม้แต่ข้อมูลส่วนตัวที่ถูกจัดเก็บไว้ในหุ่นยนต์ ข้อมูลที่ ‘รั่วไหล’ กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ในจีน นอกจากปัญหาการถูกแฮ็กจากภายนอกแล้ว รายงานยังเน้นถึงประเด็นที่น่ากังวลด้านความเป็นส่วนตัวและการถ่ายโอนข้อมูล (Data Exfiltration) นักวิจัยพบว่าหุ่นยนต์รุ่นนี้ถูกตั้งค่าให้ส่งข้อมูล telemetry หรือข้อมูลการทำงานของหุ่นยนต์ รวมถึง log การใช้งานต่าง ๆ กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผู้ผลิตอาจอ้างว่าเป็นข้อมูลสำหรับการบำรุงรักษาและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ …
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในโลกแห่ง ‘ร่องรอยดิจิทัล’ ในอาณาจักรไซเบอร์อันกว้างใหญ่ มีร่องรอยลึกลับที่ทุกคนทิ้งไว้เบื้องหลัง นั่นคือ Digital Footprint หรือ ‘รอยเท้าดิจิทัล’ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ คือ Passive Footprint (ร่องรอยที่ทิ้งไว้โดยไม่รู้ตัว เช่น ประวัติการเข้าชมเว็บ) และ Active Footprint (ร่องรอยที่เราสร้างขึ้นมาเองอย่างตั้งใจ เช่น การโพสต์, การคอมเมนต์, การสมัครสมาชิก) ลองมาฟังเรื่องราวของ ‘นายต๋อง จอมแชร์’ ผู้ที่หลงรักการสร้าง Active Digital Footprint แบบไม่ยั้งคิดดูบ้าง เขาไม่เคยรู้เลยว่าการ ‘แชร์’ อย่างสนุกสนานนั้น อาจกลายเป็น ‘กับดัก’ ที่อันตรายถึงชีวิต! ตอนที่ 1: การโพสต์ที่ ‘เกินเบอร์’ นำมาซึ่งภัยร้าย นายต๋องเป็นคนชอบเที่ยวมาก วันหนึ่งเขาไปเที่ยวเกาะส่วนตัวสุดหรู และได้โพสต์ภาพรัว ๆ พร้อมแคปชั่นที่บอกทุกอย่าง: โพสต์ 1: “วันนี้กำลังจะบินไปเกาะ…นะจ๊ะ! 7 วันเต็ม! …
Vibe Analytics คืออะไร? การเปลี่ยนผ่านจาก Dashboard สู่ AI Dialogue Vibe Analytics (Vibe Data Analysis) คือแนวคิดใหม่ของการวิเคราะห์ข้อมูลที่อาศัยเทคโนโลยี Generative AI และ Large Language Models (LLMs) เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านโค้ด (Non-technical Stakeholders) สามารถสำรวจและดึงข้อมูลเชิงลึกได้ด้วยตัวเองอย่างรวดเร็ว โดยการ ‘สนทนา’ กับข้อมูลผ่านภาษาธรรมชาติ (Natural Language Query) แทนการเขียนโค้ด SQL หรือ Python ที่ซับซ้อน ยุคเก่า (Dashboard Era): เน้นการถามว่า “เกิดอะไรขึ้น” และ “ทำไมถึงเกิดขึ้น” ผ่านกราฟและรายงานที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ยุค Vibe Analytics: เน้นการถามว่า “มีข้อมูลเชิงลึกอะไรที่ซ่อนอยู่ หากเราสำรวจร่วมกัน?” เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI อย่างต่อเนื่อง คุณสมบัติเชิงลึก: Vibe …