
ญี่ปุ่นเผชิญคลื่นโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ หลังเหตุแรนซัมแวร์พุ่งสูงทั่วประเทศ
บริษัทญี่ปุ่นตกเป็นเป้าการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล
รายงานจาก Finimize ระบุว่า ในปี 2025 บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการโจมตีแบบ แรนซัมแวร์ (Ransomware) ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายองค์กรสูญเสียข้อมูลสำคัญและเกิดความเสียหายทางการเงินอย่างหนัก
การโจมตีดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ไม่เพียงพอ ทำให้กลายเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรดิจิทัล
แรนซัมแวร์: อาวุธใหม่ของอาชญากรไซเบอร์
แรนซัมแวร์เป็นซอฟต์แวร์อันตรายที่เข้ารหัสไฟล์ของผู้ใช้หรือองค์กร แล้วเรียกค่าไถ่เพื่อปลดล็อกข้อมูล โดยในปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นพบจำนวนเหตุการณ์ลักษณะนี้เพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่รุนแรงและต่อเนื่องของภัยไซเบอร์ในภูมิภาคเอเชีย
หลายบริษัทในภาคการผลิต พลังงาน และโลจิสติกส์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ส่งผลให้ระบบการดำเนินงานต้องหยุดชะงัก และบางรายต้องชำระค่าไถ่เพื่อกู้คืนระบบกลับมาใช้งาน
สาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของการโจมตี
- ขาดการอัปเดตระบบความปลอดภัย: ระบบ IT ที่ล้าสมัยและขาดการอัปเดตช่องโหว่กลายเป็นเป้าหมายหลักของผู้ไม่หวังดี
- การทำงานแบบ Hybrid: การทำงานระยะไกลทำให้เครือข่ายองค์กรมีจุดเสี่ยงมากขึ้น
- การเติบโตของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์: กลุ่มแฮกเกอร์ระหว่างประเทศที่มีการจัดตั้งเป็นองค์กรใช้วิธีโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า บริษัทที่ไม่ลงทุนในระบบป้องกันความปลอดภัยเชิงรุกอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย เนื่องจากการโจมตีในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการขโมยข้อมูล แต่ยังรวมถึงการทำลายระบบและทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง
รัฐบาลญี่ปุ่นเร่งยกระดับมาตรการป้องกัน
เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงไซเบอร์ พร้อมเร่งพัฒนาความร่วมมือกับภาคเอกชนและพันธมิตรระหว่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามและแนวทางรับมือที่มีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกัน องค์กรต่างๆ ถูกกระตุ้นให้สร้างแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์ไซเบอร์ (Incident Response Plan) และอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยคุกคามดิจิทัล
สิ่งที่ธุรกิจควรทำเพื่อลดความเสี่ยง
- อัปเดตระบบและซอฟต์แวร์เป็นประจำ: เพื่อลดช่องโหว่ที่อาชญากรอาจใช้เจาะระบบ
- สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ: เก็บข้อมูลสำรองไว้ในระบบแยกจากเครือข่ายหลัก
- ฝึกซ้อมแผนรับมือเหตุโจมตี: ให้พนักงานรู้วิธีตอบสนองเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
- ใช้โซลูชันป้องกันเชิงรุก: เช่น ระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
สรุป: ญี่ปุ่นต้องเผชิญความท้าทายทางไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้น
การเพิ่มขึ้นของการโจมตีแบบแรนซัมแวร์ในญี่ปุ่นเป็นสัญญาณเตือนสำคัญว่า โลกธุรกิจไม่สามารถละเลยความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้อีกต่อไป การลงทุนในเทคโนโลยีป้องกัน การอบรมบุคลากร และการวางแผนเชิงรุกคือกุญแจสำคัญในการปกป้องข้อมูลและความเชื่อมั่นของลูกค้าในยุคดิจิทัล
องค์กรที่ปรับตัวได้เร็วและมีระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่งจะเป็นผู้รอดจากคลื่นการโจมตีไซเบอร์ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก
อ้างอิงจาก : https://finimize.com/content/cyberattacks-hit-japanese-firms-as-ransomware-cases-climb