
Prompt Engineering สำหรับนักการตลาด: คุยกับ AI อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์เหมือน ‘สั่งงาน’ ผู้ช่วยมือโปร
ในโรงไม้ของผม ถ้าผมเดินไปหาผู้ช่วยฝึกหัดแล้วบอกเขาแค่ว่า “ช่วยทำกล่องให้หน่อย” คุณคิดว่าผมจะได้อะไรกลับมาครับ? ผมก็คงจะได้ “กล่อง” ไม้สี่เหลี่ยมธรรมดาๆ สักใบหนึ่ง ซึ่งมันก็ใช้ได้นะ แต่มันคงไม่ได้มีอะไรพิเศษ และผมคงไม่สามารถนำมันไปขายในฐานะ “งานฝีมือ” ได้แน่ๆ
แต่ถ้าผมเดินไปหาเขาพร้อมกับ “แบบแปลน” ที่ละเอียด แล้วบอกว่า “ช่วยทำกล่องไม้โอ๊คขนาด 12x8x6 นิ้วให้หน่อย ใช้เทคนิคการเข้าเดือยแบบหางเหยี่ยว ขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 400 และเคลือบผิวด้วยน้ำมันตุงออยล์ 3 รอบนะ”
เห็นความแตกต่างไหมครับ? ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นกล่องที่สวยงาม แข็งแรง และตรงตามวิสัยทัศน์ของผมทุกประการ
เพื่อนๆ ครับ…การ “คุย” กับ AI ก็ไม่ต่างอะไรจากนี้เลย คุณภาพของผลลัพธ์ (Output) ขึ้นอยู่กับคุณภาพของคำสั่ง (Input) โดยตรง และ “แบบแปลน” ที่เรายื่นให้ AI นั่นแหละครับ คือสิ่งที่เรียกว่า “Prompt”
หลายคนหงุดหงิดที่ AI ให้คำตอบที่ไม่ถูกใจ แต่บ่อยครั้งปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัว AI แต่อยู่ที่ “วิธี” ที่เราถาม ในฐานะ Developer ที่ต้อง “คุย” กับเครื่องจักรทุกวัน และในฐานะนักการตลาดที่ต้องใช้ AI สร้างสรรค์ผลงาน ผมจะมาแชร์ “ศิลปะ” ของการเขียน Prompt ที่จะเปลี่ยน AI จาก “เด็กฝึกงาน” ให้กลายเป็น “ผู้ช่วยมือโปร” ข้างกายคุณครับ
Table of Contents
เปลี่ยนจาก “ผู้ใช้” เป็น “ผู้ควบคุม”: AI ไม่ใช่เครื่องอ่านใจ
ก่อนอื่นเราต้องปรับ Mindset กันก่อนครับ AI อย่าง Gemini หรือ ChatGPT ไม่ใช่ Google Search เราไม่ได้กำลัง “ค้นหา” คำตอบ แต่เรากำลัง “สร้างสรรค์” คำตอบขึ้นมาใหม่
- การใช้ Google Search: เหมือนการถามบรรณารักษ์ว่า “หนังสือเกี่ยวกับงานไม้อยู่ตรงไหน?” เขาจะแค่ชี้ทางไปที่ชั้นหนังสือ
- การใช้ Generative AI: เหมือนการบรีฟงาน “ผู้ช่วยวิจัย” ว่า “ช่วยไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับงานไม้ทั้งหมด แล้วสรุปเทคนิคการเข้าเดือยสำหรับมือใหม่มาให้หน่อย โดยเน้นที่ความปลอดภัยและเครื่องมือที่จำเป็น”
AI ไม่สามารถอ่านใจเราได้ครับ มันไม่รู้หรอกว่าแบรนด์ของคุณมีโทนเสียงแบบไหน หรือลูกค้าของคุณคือใคร… นอกจากเราจะเป็นคนบอกมัน การเขียน Prompt ที่ดีจึงไม่ใช่แค่การพิมพ์คีย์เวิร์ด แต่คือการ “บรีฟงาน” ที่ชัดเจนที่สุด
ผ่า “สุดยอด Prompt”: 5 องค์ประกอบที่เปลี่ยน AI จาก “เด็กฝึกงาน” เป็น “มือโปร”
จากประสบการณ์ของผม Prompt ที่ดีและให้ผลลัพธ์ระดับมืออาชีพ มักจะประกอบด้วยองค์ประกอบ 5 ส่วนนี้เสมอ ผมขอเรียกมันว่าเทคนิค C.R.A.F.T. ครับ
1. C – Context (บริบท): บอก AI ว่า “เรากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่” นี่คือการปูพื้นครับ บอกให้ AI รู้ถึงภาพรวมของโปรเจกต์
- เปรียบเทียบ: เหมือนการเคลียร์โต๊ะทำงานในโรงไม้ของเราให้โล่ง แล้วหยิบเฉพาะเครื่องมือและแบบแปลนสำหรับ “โปรเจกต์นี้” ขึ้นมาวางไว้
- ตัวอย่าง: “ฉันกำลังวางแผนแคมเปญการตลาดสำหรับสินค้าใหม่ คือที่รองแก้วหนังแท้ทำมือ”
2. R – Role (บทบาท): บอก AI ว่า “นายคือใคร” นี่คือเทคนิคที่ทรงพลังที่สุดครับ คือการสั่งให้ AI สวมบทบาทเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ในด้านนั้นๆ
- เปรียบเทียบ: เหมือนการบอกผู้ช่วยฝึกหัดว่า “วันนี้เธอไม่ใช่ผู้ช่วยทั่วไปนะ แต่เธอคือ ‘สุดยอดช่างไม้ผู้เชี่ยวชาญด้านเฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเนเวีย'”
- ตัวอย่าง: “Act as a world-class direct response copywriter with 20 years of experience in marketing luxury craft goods.”
3. A – Action (คำสั่ง): บอก AI ว่า “ฉันอยากให้นายทำอะไร” ระบุ “ผลลัพธ์” ที่คุณต้องการให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่สุด
- เปรียบเทียบ: “ช่วย’เขียน’รายการวัตถุดิบ”, “ช่วย’สรุป’ขั้นตอน”, “ช่วย’สร้าง’ตารางเปรียบเทียบ”
- ตัวอย่าง: “Your task is to generate 10 ad headlines.”
4. F – Format (รูปแบบ): บอก AI ว่า “จัดเรียงผลลัพธ์ออกมาแบบไหน” คุณอยากได้คำตอบในรูปแบบไหน? การกำหนด Format จะช่วยให้คุณนำผลลัพธ์ไปใช้งานต่อได้ง่ายขึ้นมาก
- เปรียบเทียบ: นี่คือ “แบบแปลน” ของผลลัพธ์สุดท้าย “ฉันอยากได้โต๊ะที่มีขนาดเท่านี้, ใช้ข้อต่อแบบนี้, และเคลือบผิวแบบนี้”
- ตัวอย่าง: “Provide the output in a markdown table with two columns: ‘Headline’ and ‘Target Angle’.”, “Write a blog post with H2 headings for each section.”
5. T – Tweak (การปรับแก้): บอก AI ว่า “รอบนี้ขอแก้แบบนี้นะ” Prompt แรกไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบครับ ให้มองว่ามันคือ “การเริ่มต้นบทสนทนา”
- เปรียบเทียบ: เหมือนการดูแบบร่างแรกแล้วบอกสถาปนิกว่า “แบบนี้สวยเลย แต่ช่วยปรับหลังคาให้สูงขึ้นอีกนิดได้ไหม”
- ตัวอย่าง: “That’s a great start. Now, rewrite those 10 headlines but make them shorter and more curiosity-driven.”, “Now, translate them into Thai.”
ภาคปฏิบัติในโรงไม้: เปรียบเทียบ “Prompt แบบขอไปที” กับ “Prompt แบบมือโปร”
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนที่สุด เรามาดูตัวอย่างการใช้งานจริงในสถานการณ์ต่างๆ กันเลยดีกว่าครับ
สถานการณ์ที่ 1: เขียนโพสต์ Facebook โปรโมตร้านกาแฟ
- ❌ Prompt ที่ไม่ดี:“เขียนโพสต์ Facebook โปรโมตร้านกาแฟ”
- ทำไมมันถึงไม่ดี: คำสั่งนี้กว้างเหมือนมหาสมุทร AI ไม่รู้เลยว่าร้านเราชื่ออะไร, อยู่ที่ไหน, มีจุดเด่นอะไร, อยากจะบอกอะไรลูกค้า, หรืออยากให้ลูกค้าทำอะไร มันจึงทำได้แค่ให้คำตอบที่จืดชืดและซ้ำซากจำเจที่สุด
- ✅ Prompt ที่ดีขึ้นเยอะ (ใช้ C.R.A.F.T.):[ROLE] Act as a friendly and passionate social media manager for a specialty coffee shop. [CONTEXT] Our coffee shop is called “The Maker’s Brew,” located near the Asoke office district. We have just launched a new signature cold brew called “Midnight Brew,” which is slow-dripped for 18 hours, resulting in a smooth, strong, and low-acid coffee. Our target audience is tired office workers looking for a high-quality afternoon energy boost. [ACTION] Write an engaging Facebook post to announce this new drink. The post should highlight the slow-drip process and the smooth, strong taste. [FORMAT] The tone should be energetic and slightly witty. End with a question to encourage comments and include 3-5 relevant hashtags.
- ทำไมมันถึงดี: เราให้ทั้ง บทบาท, บริบท (ชื่อร้าน, สินค้าใหม่, กลุ่มเป้าหมาย), คำสั่ง ที่ชัดเจน, และ รูปแบบ ที่ต้องการ AI มี “วัตถุดิบ” ชั้นดีในการทำงาน และผลลัพธ์ที่ได้ก็จะตรงจุดและมีชีวิตชีวามากขึ้นเยอะเลยครับ
สถานการณ์ที่ 2: ระดมสมองหาไอเดียแคมเปญการตลาด
- ❌ Prompt ที่ไม่ดี:“คิดแคมเปญการตลาดสำหรับวันพ่อ”
- ทำไมมันถึงไม่ดี: กว้างเกินไปมาก AI ไม่รู้ว่าสินค้าคืออะไร, งบประมาณเท่าไหร่, หรือช่องทางไหนที่เราจะใช้ มันเลยทำได้แค่ให้คำตอบพื้นฐานที่สุด
- ✅ Prompt ที่ดีขึ้นเยอะ (ใช้ C.R.A.F.T.):[ROLE] Act as a creative director for an e-commerce brand specializing in handmade leather goods. [CONTEXT] We are planning a marketing campaign for our best-selling product, “The Craftsman’s Coaster,” for the upcoming Father’s Day. Our target audience is people looking for a meaningful, high-quality, and practical gift for their dads who appreciate craftsmanship. Our budget is small. [ACTION] Brainstorm 3 distinct, low-budget campaign ideas. [FORMAT] Present the ideas in a table with columns for: “Campaign Name,” “Core Message,” “Key Activities,” and “Why it Works.”
- ทำไมมันถึงดี: เรากำหนด บทบาท ที่สร้างสรรค์, ให้ บริบท ที่ครบถ้วน (สินค้า, โอกาส, กลุ่มเป้าหมาย, ข้อจำกัด), คำสั่ง ที่ชัดเจน, และ รูปแบบ ที่เป็นตารางเพื่อให้เปรียบเทียบง่าย ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นไอเดียที่เป็นรูปธรรมและนำไปใช้ได้จริง
สถานการณ์ที่ 3: เขียนอีเมลขอโทษลูกค้าที่ส่งของช้า
- ❌ Prompt ที่ไม่ดี:“เขียนอีเมลขอโทษลูกค้าที่ส่งของช้า”
- ทำไมมันถึงไม่ดี: AI ไม่รู้ข้อมูลที่สำคัญที่สุดเลย! ลูกค้าชื่ออะไร? สั่งอะไร? ช้าเพราะอะไร? จะส่งได้เมื่อไหร่? ผลลัพธ์จึงเป็นอีเมลที่ดู “โรบอท” และไม่จริงใจสุดๆ
- ✅ Prompt ที่ดีขึ้นเยอะ (ใช้ C.R.A.F.T.):[ROLE] Act as a customer service manager with a very empathetic and sincere tone. [CONTEXT] I need to write an email to a customer named “K. Somchai” to apologize for a delay in his order #12345, which contained a “Leather Wallet The Voyager”. The delay was due to a quality issue with our leather supplier. We have found a new supplier and the new estimated delivery date is August 15, 2025. [ACTION] Write a warm, personal, and transparent email explaining the situation. As an apology, offer him a 15% discount code “SORRY15” for his next purchase. [FORMAT] Do not sound like a robot. Start by addressing him by name.
- ทำไมมันถึงดี: เรามอบ “ข้อมูลดิบ” ที่จำเป็นทั้งหมดให้ AI มันจึงสามารถนำไป “ปรุง” เป็นอีเมลที่ดีและเต็มไปด้วยความใส่ใจ ซึ่งสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้
เปิด “ลิ้นชักเครื่องมือพิเศษ”: 3 Prompt Template ที่ผมใช้หากินจริง
เมื่อเข้าใจหลักการแล้ว ผมจะขอแชร์ Prompt Template ที่ผมใช้บ่อยๆ ในงานการตลาดจริง ซึ่งคุณสามารถคัดลอกและนำไปปรับแก้ข้อมูลในวงเล็บ [ ] ได้เลยครับ
1. Template สำหรับสร้าง “Customer Persona”
Act as an expert market researcher and brand strategist. I am developing a marketing strategy for [Your Product/Service]. My target audience is [Briefly describe your target audience]. Your task is to create a detailed customer persona for my brand. The persona should be named "[Persona Name]" and include the following sections: Demographics, Goals, Frustrations, Watering Holes (where they hang out online), and a short narrative bio.
2. Template สำหรับสร้าง “Topic Cluster” (เพื่อ SEO)
Act as an expert SEO content strategist who understands the concept of Topic Clusters. My main pillar page topic is "[Your Main Topic]". Your task is to explode this topic into a comprehensive content cluster. Provide me with at least 15-20 highly specific sub-topics (cluster content ideas) that a person interested in my main topic would search for. Group these ideas into logical categories.
3. Template สำหรับสร้าง “Ad Copy A/B Test”
Act as a world-class direct response copywriter. My product is [Your Product] and my target audience is [Your Target Audience]. Your task is to write 5 different ad headlines and 3 different primary texts for a Facebook ad campaign. For the headlines, create variations based on these angles: social proof, scarcity, benefit-driven, question-based, and curiosity-driven. For the primary texts, write variations with these tones: witty and humorous, straightforward and benefit-focused, and an emotional storytelling tone. Present the output in a clear, organized format.
กับดักของช่างไม้: 3 ข้อผิดพลาดที่ทำให้ Prompt ของคุณไม่ได้ผล
- คำสั่งที่กว้างเกินไป (Vague Instructions): การสั่งว่า “เขียนบทความเรื่องการตลาด” ก็เหมือนการบอกช่างว่า “สร้างเฟอร์นิเจอร์” คุณอาจจะได้เก้าอี้ ทั้งๆ ที่คุณอยากได้โต๊ะ
- ให้บริบทไม่เพียงพอ (Not Enough Context): AI ไม่ใช่เพื่อนที่ทำงานกับคุณมา 10 ปี มันไม่รู้จักแบรนด์, ลูกค้า, หรือเป้าหมายของคุณเลย ถ้าคุณไม่บอก มันก็จะให้คำตอบที่ “กลางๆ” และ “ธรรมดา” กลับมา
- ยอมแพ้เร็วเกินไป (Giving Up After the First Try): การเขียน Prompt คือ “กระบวนการ” ครับ มันคือการพูดคุยและปรับแก้ อย่าคาดหวังว่า Prompt แรกจะได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ 100% ให้ใช้คำสั่งต่อเนื่อง เช่น “ดีมาก แต่อยากให้มันดูตลกกว่านี้” หรือ “เขียนใหม่โดยใช้โทนที่เป็นทางการขึ้น” เพื่อค่อยๆ “ปั้น” ผลลัพธ์ให้เป็นอย่างที่คุณต้องการ
บทสรุป: Prompt คือ “ศิลปะ” ของการสนทนา
เพื่อนๆ ครับ Prompt Engineering ไม่ใช่ทักษะการเขียนโค้ดที่น่ากลัว แต่มันคือ “ทักษะการสื่อสาร” แห่งยุคสมัยนี้ครับ
มันคือการเรียนรู้ที่จะ “พูด” กับผู้ช่วยคนใหม่ของเราที่ทั้งฉลาดและทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ การที่เราลงทุนเวลาเพื่อเรียนรู้ที่จะ “บรีฟงาน” ให้ชัดเจน คือการเคารพทั้งเวลาของเราเองและศักยภาพของเครื่องมือที่เราใช้
คนที่สามารถ “สนทนา” กับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์และเพิ่ม Productivity ของตัวเองได้อย่างก้าวกระโดด และนี่แหละครับ คือทักษะที่จะแยก “มือสมัครเล่น” ออกจาก “มืออาชีพ” ในโลกการทำงานยุคใหม่