MarTech, AdTech, Sales Tech: ศึกรวมร่างเทคโนโลยีการตลาด! จริง หรือแค่ฝัน?

MarTech, AdTech, Sales Tech: ศึกรวมร่างเทคโนโลยีการตลาด! จริง หรือแค่ฝัน?

สงครามสามก๊กยุคดิจิทัล: ทำไมต้องรวม MarTech, AdTech และ Sales Tech?

ในยุคที่ข้อมูลลูกค้าไหลทะลักราวกับน้ำป่า และผู้บริโภคก็คาดหวังประสบการณ์ที่ “รู้ใจ” ทุกช่องทางนั้น การทำงานแบบ “ตัวใครตัวมัน” ของเทคโนโลยีการตลาด (MarTech), เทคโนโลยีโฆษณา (AdTech) และเทคโนโลยีการขาย (Sales Tech) ดูจะเชยไปแล้วครับ! บทความจาก MarTech ชี้ประเด็นสำคัญว่า: พวกเขากำลังรวมกันจริงหรือไม่… และมันคือสิ่งที่ควรทำจริง ๆ หรือเปล่า?

ก่อนหน้านี้ MarTech (เน้นช่องทางของตัวเอง เช่น อีเมล, เว็บไซต์), AdTech (เน้นช่องทางจ่ายเงิน เช่น โฆษณา) และ Sales Tech (เน้นการปิดการขายและ CRM) ต่างมีอาณาจักรของตัวเอง แต่เมื่อโลกหมุนเร็วขึ้น “ไซโลข้อมูล” (Data Silos) ที่แต่ละฝ่ายถือครองไว้กลายเป็นปัญหาใหญ่ เหมือนต่างคนต่างมีชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ แต่ไม่มีใครเห็นภาพรวมทั้งหมด

ปัจจัยเร่งปฏิกิริยา: อะไรทำให้ต้อง “รวมพลัง”?

การรวมตัวของสามเทคฯ นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเหงา แต่มันมีแรงผลักดันที่สำคัญจากโลกธุรกิจ:

  • วิกฤตคุกกี้ (Cookie Crisis) และกฎหมายความเป็นส่วนตัว: เมื่อคุกกี้บุคคลที่สาม (Third-Party Cookies) กำลังจะตาย (ขอไว้อาลัย) AdTech จึงต้องพึ่งพาข้อมูลลูกค้าโดยตรง (First-Party Data) ซึ่งเป็นขุมทรัพย์ที่ MarTech มีอยู่ ทำให้ต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลกันอย่างเร่งด่วน
  • มุมมองลูกค้าแบบองค์รวม (Unified Customer View): ลูกค้าไม่ได้สนใจว่า “นี่คือแผนกการตลาด” หรือ “นี่คือแผนกโฆษณา” พวกเขาต้องการประสบการณ์ที่ราบรื่นและต่อเนื่องตลอดการเดินทาง (Customer Journey) ตั้งแต่เห็นโฆษณาครั้งแรกจนถึงการซื้อและการบริการ
  • โมเดล RevOps (Revenue Operations): องค์กรเริ่มหันมาใช้ทีมที่รับผิดชอบรายได้รวม (Revenue) ตลอดทั้งกระบวนการขายและการตลาด ซึ่งโมเดลนี้ต้องการเครื่องมือที่เชื่อมโยงกัน เพื่อให้ทีมขายรู้ว่าโฆษณาอะไรที่ลูกค้าเห็นมา และทีมการตลาดก็รู้ว่าแคมเปญไหนที่ทำให้ปิดการขายได้จริง

การรวมกันแล้วดียังไง? ประโยชน์ที่ไม่ใช่แค่ความประหยัด

การรวมร่างเทคโนโลยีไม่ได้มีดีแค่ลดค่าใช้จ่าย แต่มันคือการอัปเกรดประสิทธิภาพการทำงาน:

  • การระบุแหล่งที่มาของรายได้ที่แม่นยำ (Smarter Attribution): เมื่อข้อมูลเชื่อมโยงกัน คุณจะรู้ได้ทันทีว่าเงินที่คุณจ่ายค่าโฆษณา (AdTech) ก้อนไหนที่ส่งผลต่อการปิดการขาย (Sales Tech) ได้จริง ไม่ใช่แค่ “เดา ๆ เอา” อีกต่อไป
  • ประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่า (Superior CX): ลองนึกภาพ: ลูกค้าเลิกใส่ของในตะกร้าจากเว็บไซต์ (MarTech) แล้วอีก 5 นาทีต่อมาได้รับข้อเสนอพิเศษจากโฆษณาในโซเชียล (AdTech) และเมื่อแชทกับเซลส์ (Sales Tech) เซลส์ก็รู้ทันทีว่าเขาสนใจสินค้าชิ้นไหน… ราบรื่นกว่านี้ก็ชุดราตรีติดล้อแล้วครับ!
  • AI ทำงานได้ฉลาดขึ้น: ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องการข้อมูลจำนวนมากและหลากหลายเพื่อเรียนรู้ การรวมข้อมูลจากทั้งสามส่วนทำให้ AI สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกและการทำนายผลที่แม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็วและชาญฉลาด

เป็นการรวมร่างจริง ! แต่ต้องมีขอบเขต

บทสรุปของเรื่องนี้คือ: การรวมตัวของ MarTech, AdTech และ Sales Tech นั้น “เกิดขึ้นจริงและกำลังเร่งตัวขึ้น” สาเหตุหลักมาจากความจำเป็นด้านข้อมูล (First-Party Data) และความต้องการประสบการณ์ลูกค้าแบบองค์รวม (End-to-End Customer Experience)

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การรวมกันนี้อาจไม่ใช่การ “หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว” แบบหมดจด แต่เป็นการ “ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น” (Interoperable Convergence) หมายความว่า เครื่องมือแต่ละประเภทจะยังคงมีอยู่ แต่จะสามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างไร้รอยต่อผ่านตัวกลางอย่าง Customer Data Platform (CDP)

สิ่งที่คุณต้องทำ: อย่าเพิ่งรีบซื้อ “แพลตฟอร์มเดียวจบครบทุกอย่าง” แต่ให้เริ่มจากการ “จัดระเบียบข้อมูล” และ “ปรับคนในทีม” ให้มีเป้าหมายร่วมกัน (RevOps) ก่อน การรวมเทคโนโลยีจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อคนในองค์กรพร้อมที่จะทลายกำแพงแผนกและมองเห็นลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริงครับ!

อ้างอิงข้อมูลจาก : https://martech.org/martech-adtech-and-sales-tech-are-they-converging-and-should-they/