
เจาะลึก 3 เทรนด์วัดผลโฆษณา H2/2025: เมื่อคุกกี้ตาย, AI ครองเมือง, และ Retail Media ขึ้นแท่น
ทลายกำแพงคุกกี้: ยุคใหม่ของการวัดผลที่ต้องพึ่งพา First-Party Data
การวัดผลโฆษณาดิจิทัลในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ไม่ใช่แค่การปรับตัว แต่คือการปฏิวัติ! ด้วยการสิ้นสุดของ Third-Party Cookies บน Chrome ทำให้ปัญหา Signal Loss กลายเป็นความท้าทายหลักของนัก MarTech ทั่วโลก สิ่งนี้บีบให้แบรนด์ต้องย้ายฐานการวัดผลออกจากวิธีการติดตามแบบเดิมๆ เข้าสู่โลกที่เน้นความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้า
First-Party Data: ทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้
- ความน่าเชื่อถือคือหัวใจ: ข้อมูลที่เก็บโดยตรงจากลูกค้า (First-Party Data) ผ่าน CRM, ลอยัลตี้โปรแกรม หรือการสมัครรับข่าวสาร กลายเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญที่สุด เพราะมีความถูกต้องตามกฎหมายความเป็นส่วนตัว (Privacy-Compliance) และสะท้อนพฤติกรรมลูกค้าได้แม่นยำกว่าการคาดเดาจากคุกกี้
- Server-to-Server Tracking: ระบบติดตามแบบ S2S ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะสามารถส่งข้อมูล Conversion ได้โดยตรงอย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องอาศัย Browser-based Tracking ที่ถูกจำกัดโดยข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว
AI: Chief Simplifier Officer ผู้ผสานรวม Walled Gardens
ในสภาพแวดล้อมที่ข้อมูลกระจัดกระจายอยู่ใน Walled Gardens (เช่น Google, Meta, Amazon) และ Open Web เครื่องมือวัดผลแบบเดิมๆ จึงให้ภาพที่ไม่สมบูรณ์ นี่คือจุดที่ AI และ Machine Learning เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะ “Chief Simplifier Officer” ที่ทำให้การวัดผลซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่าย
MMM & Incrementality: การกลับมาที่ชาญฉลาดกว่าเดิม
- Marketing Mix Modeling (MMM) ล้ำสมัย: โมเดล MMM ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้กลับมาอย่างแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่การวิเคราะห์ภาพรวมในอดีตเท่านั้น แต่สามารถผสานรวมกับ Incrementality Testing (การทดสอบเพื่อวัดผลกระทบที่เพิ่มขึ้นจริงของแคมเปญ) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ Granular (ละเอียด) และ Actionable (นำไปใช้ได้ทันที)
- การคาดการณ์ที่แม่นยำ: AI ช่วยเติมเต็มช่องว่างของข้อมูล (Data Gaps) ที่เกิดจากการขาดคุกกี้ ทำให้สามารถสร้าง Predictive Analytics และการจำแนกกลุ่มเป้าหมาย (Segmentation) ที่แม่นยำขึ้นอย่างมาก โดยไม่ต้องละเมิดความเป็นส่วนตัว
Retail Media Network: ‘คลื่นลูกที่สาม’ ที่มาพร้อมการวัดผลในตัว
หนึ่งในเทรนด์การใช้จ่ายโฆษณาที่เติบโตเร็วที่สุดคือ Retail Media Network (RMN) แพลตฟอร์มโฆษณาที่ดำเนินการโดยผู้ค้าปลีกขนาดใหญ่ (เช่น Amazon, Walmart) ซึ่งมีข้อได้เปรียบที่ไม่มีใครเทียบได้
ทำไม RMN ถึงเป็น Game Changer?
- Data Loop ที่สมบูรณ์: RMN มีข้อมูล First-Party Data ที่ทรงพลังที่สุด นั่นคือข้อมูลการซื้อขายจริง (Transaction Data) ซึ่งหมายความว่าการวัดผลสามารถเชื่อมโยงโฆษณาเข้ากับยอดขายที่เกิดขึ้นจริง (Closed-Loop Measurement) ได้ทันที ทำให้ ROI โปร่งใสและชัดเจน
- การยกระดับ E-commerce Metrics: ตัวชี้วัดเช่น ACOS (Advertising Cost of Sale) และ ROAS (Return on Ad Spend) กลายเป็นหัวใจสำคัญของการประเมินผล ซึ่งขับเคลื่อนการปรับปรุงแคมเปญอย่างมีประสิทธิภาพในระดับสินค้า (Product-Level)
- โอกาสในการเติบโต: eMarketer ชี้ว่า RMN ถูกมองว่าเป็น “คลื่นลูกที่สาม” ของการโฆษณาดิจิทัลรองจาก Search และ Social Media ด้วยอัตราการเติบโตที่สูงมาก
บทสรุปสำหรับนัก MarTech: พลิกวิกฤตสู่โอกาส
การวัดผลโฆษณาใน H2/2025 กำลังเปลี่ยนจากยุค Quantity (ปริมาณ) ไปสู่ Quality (คุณภาพ) ของข้อมูล การลงทุนในเทคโนโลยีและกลยุทธ์ต่อไปนี้จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
- สร้างและใช้ First-Party Data ให้เต็มที่: ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานในการรวบรวม จัดการ และกระตุ้นให้ลูกค้ายินยอมแบ่งปันข้อมูล (Consent-Based Marketing)
- โอบรับ AI และ MMM: อย่ากลัวที่จะนำ AI มาใช้เป็นเครื่องมือหลักในการเชื่อมโยงข้อมูลที่ขาดหาย และใช้ MMM เพื่อให้ภาพรวมของผลกระทบทางธุรกิจในระยะยาว
- สำรวจ Retail Media: พิจารณา RMN เป็นส่วนหนึ่งของ Media Mix เพราะเป็นช่องทางที่ให้การวัดผลที่ชัดเจนที่สุดและใกล้ชิดกับจุดขายจริงที่สุด
นัก MarTech ที่ฉลาดจะไม่มองว่าการสิ้นสุดของคุกกี้เป็นปัญหา แต่เป็นโอกาสในการสร้างระบบนิเวศการตลาดที่ยึดความไว้วางใจของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และขับเคลื่อนด้วยข้อมูลคุณภาพที่วัดผลได้จริง
ข้อมูลอ้างอิงจาก : https://www.emarketer.com/content/ad-measurement-trends-h2-2025