Agentic AI: ยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์จาก ‘Reactive’ สู่ ‘Autonomous Resilience’

cybersecurity-news

Agentic AI: ยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์จาก ‘Reactive’ สู่ ‘Autonomous Resilience’

เหตุใด Agentic AI จึงเป็นมากกว่าแค่เครื่องมือช่วย?

ภูมิทัศน์ภัยคุกคามไซเบอร์ทั่วโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยผู้โจมตีได้นำ Generative AI มาใช้ในการสร้างแคมเปญฟิชชิ่งและการพัฒนามัลแวร์ที่หลบหลีกการตรวจจับได้เร็วขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โมเดลการรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิมที่เน้นการตรวจจับ (Human-Led, Detection-Dominant) จึงเริ่มถึงจุดที่ประสิทธิภาพลดลง

นี่คือจุดที่ Agentic AI เข้ามาเป็นผู้เปลี่ยนเกม โดยไม่ได้เป็นเพียงระบบ AI ที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเท่านั้น แต่เป็นระบบอัจฉริยะที่ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถในการ รับรู้ (Perceive), ให้เหตุผล (Reason), ตัดสินใจ (Decide), และ ดำเนินการ (Act) ได้อย่างเป็นอิสระ (Autonomous) เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการตั้งรับไปสู่การตอบสนองอย่างเด็ดขาด

Agentic AI: กลไกแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่การป้องกันอัตโนมัติ

นักวิเคราะห์มองว่า Agentic AI จะเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัย (SOC) ให้เป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นสูง (Resilience) โดยมีองค์ประกอบหลักดังนี้:

  • การตอบสนองที่ความเร็วระดับวินาที: แทนที่จะรอให้นักวิเคราะห์มนุษย์ตีความแจ้งเตือนและประสานงานตอบสนอง Agentic AI สามารถ ตรวจจับความผิดปกติ, เริ่มต้นมาตรการจำกัดการแพร่กระจาย (Containment Protocols) และแม้กระทั่ง ดำเนินการแก้ไขเบื้องต้น (Remediation Steps) ได้ภายในไม่กี่วินาที สิ่งนี้ช่วยลดเวลาในการจัดการเหตุการณ์ (Time to Resolution) ลงได้อย่างมาก
  • การยกระดับการจัดการสิทธิ์ (PAM) สำหรับ Non-Human Identities: ในยุคที่ AI Agent ทำงานอัตโนมัติ การจัดการสิทธิ์การเข้าถึงแบบเดิม (RBAC) ไม่เพียงพออีกต่อไป องค์กรต้องพัฒนาระบบ Identity-Centric Security ที่เข้มงวดมากขึ้น โดยกำหนดการควบคุมการเข้าถึงแบบละเอียด (Granular Permission Controls) และใช้หลักการ Least Privilege, Just-in-Time Access เพื่อให้ AI Agent มีสิทธิ์ที่จำเป็นเท่าที่ต้องใช้และในช่วงเวลาที่ต้องการเท่านั้น ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการถูกยึดสิทธิ์ (Privilege Compromise)
  • การผสานรวม Intelligence และ Orchestration: Agentic AI ไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่สามารถ ประสานงาน (Orchestrate) กับเครื่องมือรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น SIEM, SOAR และ EDR ได้อย่างราบรื่น มันใช้ความสามารถของ LLMs ในการให้เหตุผลและผสานรวมข้อมูลภัยคุกคามจากแหล่งต่าง ๆ (Grounded Knowledge) เพื่อให้ได้ภาพรวมของเหตุการณ์ที่แม่นยำและช่วยให้นักวิเคราะห์มนุษย์สามารถโฟกัสไปที่การวางแผนกลยุทธ์ระดับสูงแทนงานซ้ำซ้อนได้

บทวิเคราะห์เชิงวิชาการ: ความท้าทายของ ‘Autonomous Chaos’

แม้ว่า Agentic AI จะนำมาซึ่งประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงที่สำคัญที่นักวิชาการด้านความปลอดภัยกำลังเฝ้าระวัง นักวิจัยด้าน AI ได้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงของการขาดความโปร่งใส (Lack of Transparency) และความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่เรียกว่า Agentic Misalignment

  • ความเสี่ยงด้านการจัดสรรความรับผิดชอบ (Accountability): เมื่อ AI Agents ทำงานผิดพลาด หรือถูกโจมตีผ่านเทคนิคเช่น Tool Misuse หรือ Memory Poisoning คำถามที่ตามมาคือ ‘ใครคือผู้รับผิดชอบเมื่อระบบอิสระทำงานล้มเหลว?’ การมีระบบ Visual Digital Identity Mapping และการบันทึกข้อมูลการทำงานอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถตรวจสอบและติดตามการกระทำของ Agent ได้
  • Human Oversight vs. Machine Speed: การเปลี่ยนมาใช้ระบบอัตโนมัติอาจทำให้มนุษย์ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลเกิดสภาวะ Overwhelming Human Overseers หรือความเหนื่อยล้าจากข้อมูลจำนวนมากที่ AI ส่งต่อมา การนำไปสู่ Autonomous Chaos คือความเสี่ยงที่แท้จริงหากไม่มีการออกแบบปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI (Human-AI Interaction Framework) ที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์: การเตรียมพร้อมสำหรับยุค Agentic

Agentic AI ไม่ใช่เทคโนโลยีในอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นขีดความสามารถใหม่ที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยในปัจจุบัน องค์กรที่ปรับตัวได้เร็วจะได้รับความได้เปรียบในการป้องกันภัยคุกคามที่ซับซ้อน

กลยุทธ์ที่สำคัญคือการนำแนวคิด Hybrid Intelligence Model มาใช้ นั่นคือการให้ AI Agent จัดการกับปริมาณและความเร็วของการโจมตี ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยยังคงมีบทบาทในการเป็นนักยุทธศาสตร์ ผู้กำหนดขอบเขตทางจริยธรรม และผู้อนุมัติขั้นสุดท้ายสำหรับการดำเนินการที่มีความเสี่ยงสูง

คุณพร้อมที่จะยกระดับทีม SOC ของคุณจากผู้ตรวจจับไปสู่ผู้นำการตอบสนองอัตโนมัติแล้วหรือยัง? การลงทุนในสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่เน้นการจัดการตัวตนของ AI Agent จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญ

อ้างอิงจาก : https://cyble.com/blog/agentic-ai-the-future-of-cybersecurity-defense/