Site icon Anat Obom

ในยุค AI ทักษะที่สำคัญที่สุดอาจเป็น “ทักษะแก้ปัญหาโดยไม่ใช้มือถือ”

ผมขอเริ่มต้นบทความนี้ด้วยความตกใจกับการกำลังจะเสียบางสิ่งไป…. มีหลายครั้งในช่วงวันหยุด ที่ผมหันไปมองรอบๆ ตัวในห้องนั่งเล่น แล้วก็เห็นภาพที่คุ้นตา คือภรรยากำลังไถฟีดในมือถือ, ลูกชายกำลังดู YouTube ในแท็บเล็ต, และตัวผมเองก็กำลังตอบอีเมลในโน้ตบุ๊ก เราอยู่ด้วยกันในห้องเดียวกัน แต่เหมือนกับว่าแต่ละคนอยู่ในโลกคนละใบ

วินาทีนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเรากำลังสูญเสียอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ ไป นั่นคือ “ทักษะการอยู่กับโลกแห่งความจริง”

ในยุคที่ทุกคำถามมีคำตอบใน Google, ทุกเส้นทางมี GPS นำทาง, และทุกความบันเทิงอยู่แค่ปลายนิ้วสัมผัส ผมกลับยิ่งเชื่อมั่นว่า ทักษะที่จะทำให้ลูกของเราแตกต่างและโดดเด่นในอนาคต คือ “ทักษะการแก้ปัญหาโดยไม่พึ่งพาหน้าจอ” ครับ วันนี้ผมจึงอยากมาแชร์แนวคิดและกิจกรรม “ออฟไลน์” ที่บ้านเราพยายามทำกัน เพื่อสร้างสมดุลให้กับชีวิตในยุคดิจิทัลครับ

ทำไมผมถึงพยายามสอนให้ลูกชาย “เบื่อ” ให้เป็น

ฟังดูแปลกใช่ไหมครับ? แต่ผมเชื่อว่า “ความเบื่อ” คือจุดกำเนิดของความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริง

เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกชายผมบ่นว่า “เบื่อออ ไม่มีอะไรทำเลย” สัญชาตญาณแรกของผมเมื่อก่อนคือการยื่นมือถือให้ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใหม่ ผมจะยิ้มแล้วบอกว่า “ดีเลย! เวลาเบื่อๆ นี่แหละ ที่สมองเราจะคิดอะไรเจ๋งๆ ออก ลองดูสิว่ารอบตัวเรามีอะไรน่าสนใจให้ทำบ้าง”

การปล่อยให้เขามีช่วงเวลาที่ “ไม่ได้ถูกกระตุ้น” จากหน้าจอ จะช่วยสร้างทักษะสำคัญ 2 อย่าง:

  1. ความคิดสร้างสรรค์: เขาจะเริ่มมองหาสิ่งรอบตัวมาเล่น เริ่มจินตนาการเรื่องราวจากของเล่นธรรมดาๆ
  2. ความสามารถในการพึ่งพาตนเอง (Self-reliance): เขาได้เรียนรู้ที่จะสร้างความสุขและความสนุกได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้ใครมาป้อนให้

“ภารกิจออฟไลน์สุดสัปดาห์” ของบ้านเรา

เพื่อทำให้การ “ไร้จอ” เป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ ผมเลยตั้งชื่อกิจกรรมที่เราทำด้วยกันในช่วงวันหยุดว่า “ภารกิจออฟไลน์” ครับ โดยเราจะเลือกทำภารกิจใดภารกิจหนึ่งในแต่ละสัปดาห์

ภารกิจที่ 1: นักประดิษฐ์ D.I.Y.

ภารกิจที่ 2: พ่อครัวหัวป่าก์

ภารกิจที่ 3: นักสำรวจเส้นทาง

ภารกิจที่ 4: แชมป์เปี้ยนบอร์ดเกม

ภารกิจที่ 5: เรียนดนตรีที่แสนรัก

บทสรุป: สร้างเด็กที่สมดุล คือเป้าหมายสูงสุด

ผมไม่ได้ต่อต้านเทคโนโลยีนะครับ และลูกชายผมก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่เป้าหมายของผมคือการสร้าง “ความสมดุล” ให้กับชีวิตเขา ผมอยากให้เขาเติบโตขึ้นเป็นคนที่สามารถเขียนโค้ดสั่งงาน AI ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเปลี่ยนยางรถยนต์หรือทำอาหารง่ายๆ กินเองได้เมื่อจำเป็น

การสร้าง “ภารกิจออฟไลน์” เหล่านี้ใช้เวลาไม่มากเลยครับ แค่หนึ่งหรือสองชั่วโมงในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว แต่มันคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการสร้างเด็กที่ “พึ่งพาตัวเองได้” และพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ในโลกอนาคตอย่างแท้จริงครับ

Exit mobile version