Site icon Anat Obom

เราเตอร์ Wi-Fi ที่บ้านคุณ…อาจเป็น “ประตูเมือง” ที่เปิดอ้าซ่าอยู่ก็ได้นะ

ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะหมกมุ่นกับความปลอดภัยของ “โรงไม้” ของผมมาก ประตูโรงไม้ผมติดกุญแจ Deadbolt อย่างหนา มีกล้องวงจรปิดเล็กๆ ส่องดูทางเข้า ผมรู้ดีว่าเครื่องมือข้างในมันมีราคาและมีความสำคัญกับผมแค่ไหน

แต่ผมก็ต้องยอมรับอย่างเขินๆ ว่า เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมใส่ใจกับกุญแจโรงไม้ มากกว่า “กุญแจดิจิทัล” ที่สำคัญที่สุดของบ้านเราซะอีก

เรื่องมันเกิดจากวันหนึ่งที่เพื่อนสนิทผมโทรมาบ่นว่า “เฮ้ยแก…เน็ตบ้านช้าฉิบหายเลยช่วงนี้ ดู Netflix กระตุกตลอด” ด้วยความที่เป็นเพื่อนสายไอที ผมก็เลยอาสาไปช่วยดูให้ หลังจากเช็กสปีดเน็ต เช็กสายแลนต่างๆ จนหมดทุกทางแล้ว ผมก็เลยลองล็อกอินเข้าไปดูในหน้าตั้งค่าเราเตอร์ของเขา…แล้วก็เจอแจ็กพอตครับ

เพื่อนผมยังคงใช้รหัสผ่าน Wi-Fi และที่สำคัญกว่านั้นคือ รหัสผ่านสำหรับเข้าระบบของเราเตอร์ เป็นค่าเริ่มต้นที่มาจากโรงงาน (พวก admin/admin หรือ admin/password นั่นแหละ) พอผมลองเช็กดูว่ามีอุปกรณ์อะไรเกาะ Wi-Fi เขาอยู่บ้างเท่านั้นแหละ… โอ้โห! เหมือนเปิดประตูบ้านจัดปาร์ตี้ฟรี Wi-Fi ให้เพื่อนบ้านไปครึ่งซอยเลยทีเดียว

เหตุการณ์นี้ทำให้ผมตระหนักว่า คนส่วนใหญ่มองเราเตอร์ Wi-Fi เป็นแค่ “กล่องปล่อยสัญญาณเน็ต” ที่ช่างเอามาติดไว้ให้แล้วก็ลืมมันไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือ “ประตูเมือง” หรือ “ป้อมปราการด่านแรก” ที่ปกป้องโลกดิจิทัลทั้งบ้านของเราเอาไว้ครับ วันนี้เราจะมาคุยกันว่าทำไมมันถึงสำคัญขนาดนั้น และมีวิธี “เสริมความแข็งแกร่ง” ให้ประตูเมืองของเราในเวลาไม่ถึง 5 นาทีได้อย่างไร

เราเตอร์ไม่ใช่แค่ “กล่องปล่อยเน็ต” แต่มันคือ “ยามเฝ้าประตู” ดิจิทัลของเรา

ลองนึกภาพบ้านของเราเป็นปราสาทนะครับ อุปกรณ์ทุกชิ้นที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, มือถือ, สมาร์ททีวี, หรือแม้แต่หลอดไฟอัจฉริยะ ก็เหมือนกับทรัพย์สมบัติและผู้คนในปราสาท

เราเตอร์ Wi-Fi ก็คือ “ประตูเมืองและกำแพง” ที่ล้อมรอบปราสาทนี้ไว้ ทุกการเชื่อมต่อจากโลกภายนอกเข้ามา ต้องผ่านประตูเมืองนี้ก่อนเสมอ และเราเตอร์ก็มี “ยามเฝ้าประตู” (ที่เรียกว่า Firewall) คอยตรวจสอบผู้ที่ผ่านเข้าออก

ทีนี้…ถ้าประตูเมืองของเราใช้กุญแจที่ใครๆ ก็รู้ หรือกำแพงมีรูโหว่เต็มไปหมด จะเกิดอะไรขึ้น?

จากข้อมูลของ CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของสหรัฐฯ การรักษาความปลอดภัยของเราเตอร์ที่บ้าน (Home Network Security) คือหนึ่งในแนวป้องกันพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับประชาชนทั่วไปเลยครับ

เสริมความแข็งแกร่งให้ “ประตูเมือง” ใน 5 นาที: 4 ขั้นตอนที่ทุกคนทำได้

ข่าวดีคือการอุดช่องโหว่พื้นฐานเหล่านี้มันง่ายมากครับ ง่ายกว่าการประกอบเฟอร์นิเจอร์จาก IKEA ซะอีก ผมจะอธิบายทีละขั้นตอนเลย

ก่อนอื่น คุณต้องเข้าไปที่ “ห้องควบคุม” ของเราเตอร์ก่อน โดยการเปิดเว็บเบราว์เซอร์ (Chrome, Safari) แล้วพิมพ์ IP Address ของเราเตอร์ลงไปในช่องที่อยู่เว็บ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็น 192.168.1.1 หรือ 192.168.0.1 (ถ้าไม่แน่ใจ ลองพลิกดูสติกเกอร์ที่แปะอยู่ใต้เครื่องเราเตอร์ได้เลย) จากนั้นมันจะถามชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าระบบครับ

เมื่อเข้ามาได้แล้ว ให้ทำตาม 4 ขั้นตอนนี้ทันที:

1. เปลี่ยน “กุญแจเข้าห้องยาม” (เปลี่ยนรหัสผ่าน Admin)

นี่คือขั้นตอนที่ สำคัญที่สุดและคนมองข้ามมากที่สุด ครับ! รหัสผ่านที่เราเตอร์ถามถึงตอนนี้น่ะ ไม่ใช่รหัสผ่าน Wi-Fi ที่เราใช้กันปกตินะครับ แต่มันคือรหัสผ่านสำหรับ “ผู้ดูแลระบบ” (Administrator) ที่ใช้เข้ามาตั้งค่าทุกอย่างในเราเตอร์

2. เปลี่ยน “กุญแจประตูหลัก” (เปลี่ยนรหัสผ่าน Wi-Fi)

ข้อนี้คนส่วนใหญ่ทำกันอยู่แล้ว แต่ก็ควรจะทำให้ถูกต้องครับ

3. เปลี่ยน “ป้ายชื่อหน้าประตู” (เปลี่ยนชื่อ Wi-Fi หรือ SSID)

SSID คือชื่อ Wi-Fi ที่เราเห็นกันตอนจะเชื่อมต่อนั่นแหละครับ

4. เปิดใช้งาน “กำแพงไฟ” (Activate the Firewall)

ยามเฝ้าประตูของเรามีอาวุธป้องกันตัวอยู่แล้ว เราแค่ต้องแน่ใจว่าเขาหยิบมันขึ้นมาใช้

เทคนิคสำหรับขั้นแอดวานซ์: “แยกโซน” แขกกับเจ้าของบ้าน

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะยกระดับความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้นเหมือนการสร้าง “คูน้ำรอบปราสาท” ผมขอแนะนำฟีเจอร์ที่เรียกว่า “Guest Network” หรือ “เครือข่ายสำหรับแขก” ครับ

บทสรุป: นอนหลับอย่างสบายใจในปราสาทดิจิทัลที่ปลอดภัย

ผมรู้ว่าการเข้าไปยุ่งกับการตั้งค่าเราเตอร์อาจจะดูน่ากลัวสำหรับบางคนนะครับ แต่มันก็เหมือนการเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือไฟฟ้าชิ้นใหม่ในโรงไม้นั่นแหละครับ ครั้งแรกอาจจะเกร็งๆ หน่อย แต่พอเราเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว มันจะกลายเป็นเรื่องง่ายและติดเป็นนิสัย

การใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการปกป้อง “บ้านดิจิทัล” ของเราและทุกคนในครอบครัว เมื่อ “ประตูเมือง” ของเราแข็งแรงแล้ว เราก็จะสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ โดยรู้ว่าป้อมปราการของเรานั้นปลอดภัยครับ

ในบทความต่อไป เราจะมาคุยกันถึงเรื่องที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ นั่นคือ “AI จะมาแย่งงานของเราจริงไหม?” ในมุมมองของ Developer ที่คลุกคลีกับมันทุกวันครับ!

Exit mobile version